ข่าวดังกลบหมด! นักร้องผู้ยิ่งใหญ่ตายเงียบๆหลังพี่ชายแท้ๆสิ้นลม1วัน😭 ( ประวัติยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย )

ข่าวดังกลบนักร้องผู้ยิ่งใหญ่ตายนี่เงียบ หลังที่ชายแท้ๆสิ้นลม 1 วันนี้ add a แต่ถ้าพูดถึงนักร้องลูกทุ่งไทยที่มีเชื้อ สายจีนและมีผลงานโด่งดังอมตะหลายบทเพลง ยอมต้องมีชื่อคุณนี้ติดโผอันดับต้นๆอย่าง แน่นอนมีเรื่องราวเกร็ดชีวิตของเขาที่

แปลกพิสดารหลายอย่างที่น่าเล่าขานเป็นต้น ว่าพี่ชายแท้ๆของนักร้องท่านนี้ซึ่งก็ เป็นนักร้องเหมือนกันมีผลงานดีๆเช่นเพลง ค่ำนี้จะนอนไหนห่วงน้องบ้านนาได้เสีย ชีวิตก่อนน้องชายเพียง 1 วันด้วยโรคที่

เกิดจากการสูบบุหรี่จัดในวันที่ 27 มิถุนายนปี 2535 และถัดมาเพียง 1 วันตัว เขาก็สิ้นลมตาพิชัยไปด้วยโรคเดียวกันสรุป คือพี่กับน้องเสียชีวิตห่างกันเพียงวัน เดียวเขาพรุ่งนี้คือนักร้องระดับตำนานยง ยุทธเชี่ยวชาญชัยเจ้าของเสียงร้องไพเราะ ในบทเลงดังอมตะเช่นเพลงขันหมากมาแล้ว

สัจจะของชาวนาน่ารักพี่จงหนีพ่อโป๊ยเซียน เสี่ยงทายจำได้ไหมน้องรักน้องขอมองหน่อย ข้าวแตกรวงทรวงแต่ครับเป็นต้นเขาคืออดีต ขุนพลเพลงลูกทุ่งประจำวรุณตรีสุรพลเอ่อ อาจารย์สัมพันธ์พัสดุเรียบเรียงเส้นทาง ชีวิตของนักเพลงท่านนี้ไว้ดังนี้ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัยเป็นนักร้องลูกทุ่งเชื้อสาย

จีนชื่อจริงของเขาคือจริงควงแซ่เซียวเกิด เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมปี 2478 ที่ตำบล หนองเต่าอำเภอบ้านหมี่จังหวัดลพบุรีมีพี่ น้องทั้งหมด 7 คนเป็นชาย 4 หญิง 3 โดยเขา เป็นคนที่ 4 จงการศึกษาชั้นป 4 ที่โรง เรียนปานขาวบ้านนี้จากนั้นก็ไปเรียนภาษา จีนต่อที่โรงเรียนตรงสู่หาเขาบิดาประกอบ

อาชีพร้านถ่ายรูปในอำเภอบ้านหมี่ต่อมา ครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯแถวๆวัด ราชคฤห์วรวิหารตลาดรูฝั่งธนเขาจึงได้เข้า เรียนต่อที่วัดเวฬุราชินจนจบมศ.

3 ว่ากัน ว่าเรื่องร้องเพลงนะเด็กชายจิ๋วควงชอบ ร้องรำทำเพลงมาตั้งแต่เด็กแล้วอาจกล่าว ได้ว่าเป็นโดยสายเลือดก็ได้เพราะบิดาของ เขาเล่นเครื่องดนตรีจีนได้หลายชิ้นเช่น ซอนคิมเป็นต้นและพี่ชายคนโตของเขาที่ชื่อ พิเชษฐ์ก็ชอบร้องเพลงด้วยตอนเรียนหนังสือ

เวลาเขามีงานเขาจะต้องได้ขึ้นร้องเพลง อยู่เสมอและยังได้เป็นคนร้องเพลงชาตินำ นักเรียนของโรงเรียนในตอนเช้าด้วยพอตัว เป็นหนุ่มชอบไปประกวดร้องเพลงตามงานวัด อยู่เสมอโดยที่พ่อแม่ในตอนนั้นก็ห้ามโดย ให้เหตุผลว่าเราเป็นลูกคนจีนอย่าเต้นกิน รำกินเลยให้ค้าขายดีกว่าแต่ว่าเรื่องหัว ใจใครเล่าจะห้ามได้หลังเรียนจบเขาก็จะ

เรียนร้องกลัวตามงานวัดทั่วไปในย่านฝั่ง ธนและกรุงเทพฯเพราะอายุได้ 16 ปีก็สมัคร เข้าทำงานที่บริษัท 5 เจดีย์โอสถที่ ตลาดพลูฝั่งธนนั้นเองเนื่องจากเขาเป็นคน พูดเก่งบริษัทจึงบรรจุให้ทำงานเป็นโฆษก อยู่แผนกหนังกลางแปลงในปี 2499 อายุครบเกณฑ์ทหารพอดีจึงไปเกณฑ์

ทหารตามหน้าที่ผู้ชายไทยปรากฏว่าเขาจับ ได้ใบแดงจึงทิ้งงานไปเป็นทหารอยู่ 2 ปี โดยเข้าเป็นทหารประจำการสังกัดทหารอากาศ จึงมีโอกาสได้รู้จักกับสุรพลสมบัติเจริญ นักร้องหนุ่มประจำกองหรือยาทานอากาศซึ่ง ขณะนั้นกำลังดังในเพลงโดดร่มในปี 2502 หลังกฎเกณฑ์ทหารก็กลับทำงานที่เดิมวัน

หนึ่งในขณะที่เขานำหน่วยหนังเร่ไปใช้ที่ จังหวัดนครสวรรค์ก็ประจวบเหมาะกันกับ สุรพลสมบัติเจริญก็ไปร้องเพลงที่นั่นด้วย จึงได้เจอกันอีกครั้งหนึ่งช่วงนั้นเป็น จังหวัดที่สุรพลสมบัติเจริญกำลังดังจาก เพลงหนาวจะตายอยู่แล้วและกำลังคิดจะตั้ง วงดนตรีสุรพลจึงชวนเขามาร่วมงานด้วยและมี

หรือที่หนุ่มจริงควงเสี่ยวจะปฏิเสธโอกาส อันดีที่สุรพลยื่นให้เขาจึงตกปากรับคำโดย พันธุ์มาอยู่กับนักร้องชื่อดังเพียงไม่ กี่เดือนสุรพลสมบัติเจริญก็แต่งเพลงสัจจะ ของชาวนาให้ร้องและตั้งชื่อให้เขาว่ายง ยุทธเชี่ยวชาญชัยจากน้ำเสียงอันไพเราะของ ยงยุทธจากเนื้อหาและจังหวะทำนองเพลงที่

เข้าไปถึงวิถีชีวิตของชาวนาที่ประพันธ์ โดยครูสุรพลสมบัติเจริญและจากดนตรี intro ที่กินใจและสะดุดหูของครูทานชัยบัวบังศร ทำให้เพลงสัจจะชาวนาและชื่อของยงยุทธ เชี่ยวชาญชัยโด่งดังไปทั้งประเทศอย่างรวด เร็วเหมือนไฟลามทุ่งทำให้เพลงลูกทุ่ง จังหวะรำวงกลายเป็นที่นิยมของแฟนเพลงใน

ยุคนั้นหลังจากนั้นสุรพลที่ตั้งของดนตรี สุรพลสมบัติเจริญขึ้นเป็นยุคของสี่สหาย ที่ประกอบด้วยสุรพลสมบัติเจริญก้านแก้ว สุพรรณผ่องศรีวรนุชและยงยุทธเชี่ยวชาญชัย ทุกเพลงที่ยงยุทธเชี่ยวชาญชัยทยอยร้องอัด แผ่นเสียวมาส่วนมากจะเป็นการแต่งของครู สุรพลแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเพลงโมรา

ซาวด์รถเก๋งรักพี่จงหนีพ่อโบ้ยเซียน เสี่ยงทายฝนสั่งฟ้ายงยุทธได้ร้องเพลงดีๆ ของสุรพลที่แต่งให้ร้องมากมายสมัยนั้นนัก ร้องลูกทุ่งและดนตรีมีน้อยช่วงนั้นจึง เป็นปีทองของดนตรีสุรพลสมบัติเจริญอย่าง แท้จริงยงยุทธเชี่ยวชาญชัยทำงานร่วมกับ ครูสุรพลได้เพียงปีเศษก็ออกไปร่วมกับครู

สำเนียงม่วงทองและครูพีระศรีบุผาซึ่งร่วม กันก่อตั้งพลตรีที่ชื่อวงรวมดาวกระจาย อยู่ร่วมงานกับวงดนตรีรวมดาวกระจายได้ ประมาณ 4 ปีก็ลาออกมาตั้งวงเป็นของตัวเอง โดยร่วมกับเตือนใจบุญพระรักษาซึ่งตอนนั้น เป็นคู่รักกันแต่ว่าตั้งอยู่ได้เพียงช่วง สั้นๆก็ต้องยุบวงเนื่องจากสุขภาพไม่ดี

หลังจากยุบวงเข้าไปอยู่กับอาพูดที่สุพรรณ ส่วนเตือนใจบุญพระรักษาไปอยู่กับวงชุมนุม ศิลปินของครูจำรัสวิภาตะวัติในช่วงนี้เอง ยงยุทธเชี่ยวชาญชัยเริ่มกลับมามีชื่อ เสียงอีกครั้งกับเพลงรักนี้ลาน้องไปบวช ดอลลาร์พลาซ่าเอาเป็นต้นอยู่กับวงไวพจน์ เพชรสุพรรณมาถึงปี ๒๕๑๒ ก็ออกเนื่องจากมี

ปัญหาด้านสุขภาพจากนั้นก็ไม่ได้ไปประจำวง ใครนอกจากรับเชิญเป็นบางครั้งมีร้องเพลง ตามห้องอาหารบ้างจนชื่อเสียงของเขาค่อยๆ เงียบหายไปว่ากันว่ายังหยุดได้หันหลัง อำลาวงการเพลงลูกทุ่งเลิกร้องเพลงแล้วก็ ไม่ได้ทำงานอื่นที่จะอยู่ในชีวิตของเขา คือเมื่อวันที่ 12 กันยายนปี 2532 เขาได้

รับพระราชทานรางวัลนักร้องดีเด่นจาก สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาในเพลงขันหมากมา แล้วแต่งโดยครูสุรพลสมบัติเจริญในงานกึ่ง ศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 1 จากนั้น ยงยุทธเชี่ยวชาญชัยได้ล้มป่วยลงและเข้า เข้าออกโรงพยาบาลอยู่หลายครั้งหลังจากได้

รับรางวัลนักร้องดีเด่นเราสามปีในปลายปี 2530 หมอเขาล้มป่วยนานถึง 8-9 เดือนที่ บ้านน้องสาวที่ชื่อพิทยาอดุลย์ศรีวัดแถว ซอยจันทน์ม่วงแขวงจอมทองกรุงเทพและทรุด หนักเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนปี 2535 น้อง สาวนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระรักษาตัวอยู่ 14 วันนักร้องชื่อดังก็สิ้นลมหรือโรคถุงลม โป่งพองที่โรงบาลวชิระเวลา 04:50 นของวัน

ที่ 28 มิถุนายนปี 2535 ในขณะที่เขาอายุ ได้ 57 ปีเป็นการเสียชีวิตแบบเงียบๆน้อย คนจะได้ยินข่าวทั้งที่เขาเป็นนักร้องผู้ ยิ่งใหญ่สาเหตุก็เพราะก่อนหน้านี้ 15 วัน พุ่มพวงดวงจันทร์ผู้ได้รับฉายาว่าราชินี ลูกทุ่งพึ่งเสียชีวิตลงในวันที่ 13 มิถุนายนปี 2535 ซึ่งกลายเป็นข่าวใหญ่ หน้า 1 อยู่นานแฟนเพลงให้คนทั้งประเทศ

ต่างตกอยู่ในห้วงอะไรและสนใจต่อประเด็น ต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับนักร้องชื่อดัง ที่ตายแบบชอบความรู้สึกของผู้คนข่าวการ เสียชีวิตของยงยุทธเชี่ยวชาญไทยในเดือน และปีเดียวกันจึงกลายเป็นข่าวเล็กๆที่ถูก หมอเขาการเสียชีวิตของพุ่มพวงดวงจันทร์

เป็นกระแสกลบหมดศพของเขาตั้งบำเพ็ญกุศล ที่วัดขุนจันทร์ตลาดพลูฝั่งธนฌาปนกิจใน วันที่ 4 กรกฎาคมปี 2535 ท่ามกลาง บรรยากาศที่เงียบเหงาเนื่องจากคนในวงการ เพลงไปร่วมงานกันน้อยเหลือเกินอาจจะได้ ไม่ทราบข่าวก็เป็นได้ที่เรื่องนึงที่หลาย คนไม่ค่อยรู้คือก่อนที่ยงยุทธเชี่ยวชาญ

ชัยจะเสียชีวิต 1 วันในวันที่ 27 มิถุนายนปี 2535 ที่ชายแท้ๆของเขาคือพีระ หรือที่เช็ดเที่ยวชาญชัยเจ้าของเสียงเพลง ค่ำนี้จะนอนไหนห่วงน้องบ้านนาก็ได้เสีย ชีวิตที่โรงพยาบาลศิริราชเวลา 07:55 ด้วย ลูกเดียวกันคือเนื่องจากสูบบุหรี่จัดมา เป็นเวลานานเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจยัง

ไม่ทราบก็คือยงยุทธเชี่ยวชาญชัยมีทายาท เพียงคนเดียวที่เป็นลูกไม้ใต้ต้นเขาคน นั้นมีชื่อว่าหนึ่งอิทธิพลเสนีวงศ์ณ อยุธยาซึ่งนามสกุลนี้เป็นนามสกุลของแม่ โดยพ่อกับแม่ได้แยกทางกันตั้งแต่เด็กชาย 1 อิทธิพลอายุได้เพียง 5-6 ห่วงและแม่ได้พา เข้าไปอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลกมีรูปต่อมา

เด็กชายหนึ่งพรุ่งนี้ก็ได้กลายมาเป็นคน ดังเจริญรอยตามพ่อเขาก็คือนักร้องนักแต่ง เพลงชื่อดังที่ชื่อเวสป้าอาร์สยามอดีตนัก ร้องวง Ster เจ้าของเพลงดังเพราะเหตุผล ที่ร้องว่าเธออาจมีร้อยเหตุผลที่จะไปแต่ ฉันมีเหตุผลเดียวที่อยากให้เธออยู่ก็คือ ชนะเธอประมาณนี้นะครับ Vespa เป็นนัก

ดนตรีนักแต่งเพลงที่แต่งเพลงได้ทางเพลง ลูกทุ่งและสตริงเคยเป็นบริษัทเซอร์ของดัง พันกรปานธนพรและเคยแต่งเพลงโด่งดังหลาย เพลงเช่นเพลงไม่อาจเปลี่ยนใจที่ขับร้อง โดยเจมส์เรืองศักดิ์เป็นต้นในระยะหลังมา เวสป้าก็เป็นฟิลิปปินส์เดียวโดยได้ชื่อ ว่าเวสป้าอาร์สยามด้วยช่วงที่ยงยุทธ

เชี่ยวชาญชัยเสียชีวิต 1 หรือ Vespa เคย ให้สัมภาษณ์ในคืนสวดอภิธรรมศพของลุงและ พ่อตนเองว่าผมได้พบกับพ่อแต่ละครั้งก็ตอน ที่ผมเข้ามากรุงเทพเพราะส่วนใหญ่พงษ์เรือ กาซองที่ผมเป็นสมาชิกอยู่จะติดงานเล่น ดนตรีอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตผมได้พบพ่อ ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคมปลายปี 2530

ปีที่ผ่านมานี่เองครับมารู้ว่าพ่อเสีย ชีวิตก็เมื่อป้าโทรไปบอกที่ภูเก็ตนอนครับ นี่คือเรื่องราวเส้นทางชีวิตของขุนพลเพลง ในอดีตที่ได้ฝากบทเพลงไพเราะอมตะไว้คน รุ่นหลังได้ฟังสื่อไปยงยุทธเชี่ยวชาญชัย เชื่อนี้คือตำนานครับ